งดอาหารรสจัด อาหารรสจัดอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ลำคอได้มากขึ้น ดังนั้นช่วงที่ระคายคอ หรือแสบคอควรงดอาหารรสจัดไปก่อน 5. ไม่กินของมัน อาหารประเภททอด ผัด อาหารที่มีไขมันสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการระคายคอเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งยังไม่ดีต่อสุขภาพของเราด้วยเนอะ ดังนั้นหลีกเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า 6. งดใช้เสียงชั่วคราว ในกรณีที่แสบคอมาก ควรงดตะโกน หรืองดการใช้เสียงดัง ๆ ไปจนกว่าอาการจะเป็นปกติ เพราะหากยังตะเบ็งใช้เสียง เส้นเลือดฝอยในลำคออาจได้รับผลกระทบและเกิดการอักเสบได้ 7. อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทดี หากเป็นไปได้ให้อาศัยอยู่ในอาคาร บ้าน ตึก ที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองและมลพิษ 8. จิบน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาวมีกรดซิตริกและวิตามินซี ในขณะที่น้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยต้านเชื้อโรค ดังนั้นเมื่อนำทั้งสองอย่างนี้มาผสมกันเป็นน้ำผึ้งมะนาว ก็จะช่วยแก้ระคายคอ แก้ไอ แก้อาการเจ็บคอ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ลำคอได้ ที่สำคัญน้ำผึ้งมะนาวยังอร่อยด้วยนะคะ - น้ำผึ้งมะนาว สรรพคุณต้องรู้ให้ชัด ช่วยอะไรได้บ้าง 9. สมุนไพรช่วยได้ สมุนไพรสรรพคุณดี ๆ ที่ช่วยลดอาการระคายเคืองคอ มีอยู่หลายตัวด้วยกัน และบางอย่างก็ใช้แก้เจ็บคอได้ง่าย ๆ หาได้ใกล้ ๆ ตัวด้วยนะคะ อย่าง 13 สมุนไพรเหล่านี้ไง - 13 สมุนไพรแก้ไอ ตำรับยาแผนไทยขับเสมหะ ในสถานการณ์ที่ฝุ่นพิษฟุ้งอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ตอนนี้ เราก็ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองเมื่อต้องออกไปข้างนอกด้วยนะคะ ที่สำคัญระยะนี้อยากให้ดูแลสุขภาพตัวเองให้มาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังทำธุระในห้องน้ำด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน, คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล, ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย
ที่มา: PCMag, PCGamer,
พยายามขับน้ำมูก และเสมหะออกมา – การขับเสมหะออกมาเป็นวิธีการกำจัดเสมหะที่ดีที่สุด สิ่งที่ไม่ควรทำคือ อย่ากลืนเสมหะลงคอ 2. ดื่มน้ำให้มากขึ้น – การดื่มน้ำสะอาด หรือดื่มน้ำอุ่น (ไม่ควรดื่มน้ำเย็นในช่วงที่ไอมีเสมหะ) ทุกชั่วโมง จะช่วยละลายเสมหะ ทำให้ร่างกายขับเสมหะออกมา และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไปด้วย แนะนำเป็นน้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่น ๆ จะช่วยให้อาการไอหายไวขึ้น 3. ใช้ไอน้ำช่วย – การใช้ไอน้ำจะช่วยทำให้น้ำมูก และเสมหะในช่วงอก จมูก และคอแตกตัวออก ซึ่งจะทำให้เสมหะถูกขับออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น สำหรับวิธีทำคือ ต้มน้ำ 1 หม้อ ผสมกับน้ำมันยูคาลิปตัส 2-3 หยด จากนั้นก้มหน้าลงไปเหนือชามน้ำร้อน สูดหายใจเข้าเอาไอน้ำเข้าไปหลาย ๆ นาที 4. หายใจเข้าออกลึก ๆ – การหายใจเข้าและออกลึก ๆ ติดต่อกันสัก 5-7 ครั้ง จะช่วยให้ถุงลมขยายใหญ่ขึ้น และฟีบลงสลับกัน วิธีนี้จะทำให้เสมหะหลุดออกจากถุงลม และระบายสู่หลอดลมใหญ่ได้ง่าย 5. ทานยาละลายเสมหะ – ยาละลายเสมหะ เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อโครงสร้างของเสมหะ โดยการลดแรงตึงผิวของเสมหะ จึงช่วยลดความเหนียวของเสมหะ ทำให้ร่างกายกำจัด หรือขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างยาคือ คาร์โบซิสเทอีน (Carbocisteine) เป็นต้น ถามหมอออนไลน์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี!
9 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอาการที่พบบ่อยที่สุดของไวรัสโคโรนา สัดส่วนนี้ยังคงลดลงอย่างมาก มีรายงานว่า ไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมีไข้ 87. 9 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อาการไอแห้ง ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย 67.